วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อำนาจของเสียงหัวเราะ
คนไข้รายหนึ่งป่วยด้วยโรคร้ายขั้นสุดท้าย หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่เดือน เขาคิดว่า ไหนๆ ก็ไม่รอดแล้ว ก็น่าจะทดลองอะไรสักครั้งก่อนตาย เขาเช่าหนังตลกมาดูอย่างต่อเนื่องวันละหลายเรื่อง ไม่นานอาการป่วยไข้ก็หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเคยผ่านความตกต่ำทางสุขภาพมาแทบเอาชีวิตไม่รอดบอกผมว่า หัวเราะหนึ่งครั้งต่ออายุได้เจ็ดวัน ชีวิตมนุษย์นั้น จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว นั่นคือกินอาหารครบห้าหมู่ก็ยังไม่สำคัญเท่าจิตใจดี
ท่านยกตัวอย่างพระที่อาศัยตามป่าตามเขาล้วนมีอายุยืนทั้งนั้น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อายุ 80 หลวงปู่ดูลย์ อตุโล อายุ 96 หลวงปู่แหวน สุจิณโณ อายุ 98 ฯลฯ ล้วนเป็นพระป่าซึ่งฉันอาหารตามที่มี ไม่มีก็ไม่ฉัน ไม่จุกจิกวุ่นวาย
เมื่อดูประวัติของมนุษย์อายุยืนทั้งหลายก็พบว่ามีความเหมือนกันจุดหนึ่งคือ นอกจากการใช้ชีวิตเรียบง่าย กินง่ายแล้ว ก็คือมีอารมณ์ดี หัวเราะง่าย พูดสั้นๆ คือ ไม่แบกโลกเอาไว้
ว่าก็ว่าเถอะ นี่เป็นเรื่องที่เราส่วนใหญ่รู้อยู่แล้ว แต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้ เพราะการมีอารมณ์ดี หัวเราะง่ายในยุคสมัยแห่งความเครียดไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เรามีทางเลือกหรือ? หากปล่อยให้ความเครียดกัดกินชีวิตไปเรื่อยๆ ต่อให้มีสุขภาพดียิ่ง วันหนึ่งก็อาจตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองเป็นโรคร้ายอันสืบเนื่องมาจากการสะสมความ เครียดจนล้นปรี่
วันหนึ่งในห้วงยามที่ผมกำลังเครียด ตะกอนอารมณ์ฟุ้งกระจาย หลานสาวตัวน้อยมาเยือนพร้อมรอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะดังร่าเริง ไม่ว่าเธอหัวเราะเพราะขำอะไรมา แต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ใส่สีสังเคราะห์ ไม่เจือสารปรุงแต่งใดๆ เป็นการหัวเราะที่แม้แต่คนที่เศร้าที่สุดในโลกก็ต้องยิ้ม
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่า เราทั้งหลายดูจะสูญเสียความสามารถที่จะหัวเราะไปนานแล้ว บางคนนานๆ ครั้งหัวเราะทีหนึ่ง บางคนก็ไม่หัวเราะเลย
มองเด็กหัวเราะแล้ว ก็นึกได้ว่า ชีวิตคนเราไม่มีสาระอะไรนักหนา แบกโลกไว้ก็เท่านั้น ถึงคุณตายไปในวันนี้ โลกก็ไม่แตกสลาย
บางครั้งบางช่วง เราก็ต้องการให้ใครสักคนมาเคาะหัวเราให้รู้สึกตัว และการเคาะหัวที่ดีที่สุดก็คือเสียงหัวเราะนี่เอง
ที่มา : http://winbookclub.com/article.php?articleid=320#320
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น